แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วยและมารยาทของพยาบาลในการสนองต่อสิทธิผู้ป่วยของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
สิทธิผู้ป่วย
10 ประเด็นที่ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลจะต้องทำความเข้าใจและวิเคราะห์ว่ามีบทบาทหน้าที่อะไรที่พึงปฏิบัติ
พึงละเว้นและสนองตอบต่อสิทธิผู้ป่วย
กลุ่มการพยาบาลจึงได้จัดทำแนวทางเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย ดังนี้
ข้อ 1 ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
-
พยาบาลจะต้องใช้ความรู้ในวิชาชีพและวิจารณญาณในการตัดสินใจดูแลผู้ใช้บริการเป็นรายๆ
ตามความเหมาะสมและรู้สิทธิพึงมีพึงได้ของผู้ใช้บริการทุกลักษณะเพื่อให้การดูแลที่ถูกต้องเหมาะสม
ข้อ 2 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
เนื่องจากความแตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ
สัญชาติ ศาสนา สังคม
ลัทธิการเมือง เพศ อายุ
และลักษณะของความเจ็บป่วย
-
พยาบาลจะต้องปฏิบัติต่อผู้ใช้บริการทุกรายเท่าเทียมกันอย่างสุภาพอ่อนโยน เอื้ออาทร
-
เมื่อพบผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับสิทธิการรักษาที่ควรได้
หรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิการรักษา
ให้ส่งปรึกษาศูนย์ประกันทันที
หลังการรักษาภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
-
หากผู้ป่วยต้องการการรักษาที่ไม่อยู่ในสิทธิตามกฎหมาย
ต้องชี้แจงและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนการรักษา และบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ
3 ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอและเข้าใจชัดเจน จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบัติต่อตน เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือรีบด่วนหรือจำเป็น
-
พยาบาลจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบกฎเกณฑ์ของโรงพยาบาล ข้อมูลในการให้บริการสุขภาพ การวินิจฉัยโรค
รวมทั้งข้อดีและการเสี่ยงต่ออันตรายในการบำบัดรักษา โดยคำนึงถึงจริยธรรมเกี่ยวกับการบอกความจริง
เพื่อการรับทราบและเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ข้อ
4 ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีตามความจำเป็นแก่กรณี
โดยไม่คำนึงว่าผู้ป่วยจะร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่
-
พยาบาลจะต้องไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือผู้ผู้ที่อยู่ในระยะอันตรายจากการเจ็บป่วย
-
ต้องอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการของโรค วิธีการรักษา ผลดี
ผลเสีย ที่อาจจะมีขึ้น
ด้วยภาษาที่ผู้ป่วยสามารถรับรู้ และตัดสินใจ
พร้อมให้ลงนามยินยอมรับการรักษา ( Informed Consent )กรณีผู้ป่วยไม่ยินยอม ไม่ร่วมมือในการรักษา ให้ผู้ป่วยลงนามปฏิเสธการรักษา
-
การจับยึด มัด
แยก
ต้องระบุข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ให้ชัดเจนในเวชระเบียนและอธิบายให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบ
ข้อ 5 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ
สกุลและประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็นผู้ให้บริการแก่ตน
-
พยาบาลต้องติดป้ายชื่อ และตำแหน่ง
หรือแจ้งให้ผู้รับบริการทราบทุกครั้งก่อนให้การพยาบาล
ข้อ 6 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น
ที่มิได้เป็นผู้ให้บริการแก่ตน
และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการและสถานบริการได้
-
ผู้รับบริการที่ตรวจรักษากับพยาบาลแล้วหากต้องการพบแพทย์ ให้ส่งปรึกษาแพทย์
-
หากผู้ป่วยขอให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น
ให้ส่งต่อตามขั้นตอนของการใช้สิทธิในระบบประกันสุขภาพ ฯ
ยกเว้นแต่ผู้ป่วยไม่ต้องการใช้สิทธิให้ส่งไปโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยต้องการ
ข้อ 7 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
-
กรณีบริษัทประกันขอทราบข้อมูลของผู้ป่วยต้องมี หนังสือยินยอมจากผู้ป่วยประกอบทุกครั้ง และนำเอกสารข้อมูลของผู้ป่วยใส่ซองตีตรา “
ลับ “ ส่งให้บริษัทประกัน
-
พยาบาล ต้องเคารพในศักดิ์ศรีและความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยและมีหน้าที่ในการปกปิดความลับของผู้ป่วย
-
การเปิดเผยร่างกายของผู้ป่วย เพื่อการตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล ต้องกระทำในที่มิดชิด
และมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำเป็นอยู่ด้วย
ข้อ 8 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการวิจัยของผู้ประกอบการวิชาชีพด้านสุขภาพ
-
ในกรณีจะทำวิจัยเกี่ยวกับผู้ป่วยแต่ละราย
พยาบาลต้องแจ้งให้ผู้ถูกทดลองทราบ และกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน โปร่งใส
เพื่อให้ผู้ถูกทดลองในการวิจัยทราบและใช้ในการตัดสินใจร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลอง
ข้อ 9 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฎในเวช-ระเบียนเมื่อร้องขอ
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของบุคคลอื่น
-
เมื่อผู้ป่วยร้องขอประวัติในเวชระเบียน ให้พยาบาลส่งปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล
ข้อ 10 บิดา
มารดาหรือผู้แทนโดยชอบธรรมอาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบแปดปีบริบูรณ์ ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิด้วยตนเองได้
-
การดูแลรักษาผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 18
ปี
ให้ขออนุญาตจากพ่อแม่ หรือผู้ปกครองโดยชอบธรรม
-
ผู้ป่วยที่เป็นโรคจิต ปัญญาอ่อน
หรือมีภาวะสับสนไม่รู้สึกตัวต้องให้ญาติสายตรงเป็นผู้ใช้สิทธิแทน
-
กรณีไม่มีญาตินำส่ง
ให้ผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมรับรู้ด้วย
-
ภาวะฉุกเฉิน เร่งด่วน
ไม่อาจรอได้ให้บันทึกเหตุผลความจำเป็นไว้ในเวชระเบียนให้ชัดเจน
ประกาศ ณ วันที่ เดือน พ.ศ.
(นางเปรมศรี สาระทัศนานันท์)
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
หัวหน้ากลุ่มการพยาบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น